ในประวัติศาสตร์ไทยมีเหตุการณ์สำคัญมากมายที่ได้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าและทิศทางของชาติมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ยุคสุโขทัย, กรุงศรีอยุธยา จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ แต่หากจะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ก็คงหนีไม่พ้น การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475
การปฏิวัติครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 นำโดยกลุ่มทหารและนักเรียนที่เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากความไม่滿ใจของประชาชนที่มีต่อระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งถือว่าเป็นระบอบการปกครองที่เอาแต่ตัวเอง และไม่คำนึงถึงความต้องการของประชาชน การปฏิวัติ 2475 นำโดย “พระยาพหลพล phalaphraphon” หรือ “Field Marshal Phraya Manopakorn Nititada”, อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารบก
สาเหตุของการปฏิวัติ 2475
เหตุการณ์การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยที่ซับซ้อนมาบรรจบกัน:
-
ความไม่พอใจต่อระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์: ระบอบนี้มักถูกวิพากษ์ว่าเป็นระบอบเผด็จการ ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงอำนาจเด็ดขาด และไม่ยอมรับเสียงของประชาชน
-
การทับถมของชนชั้นสูง: ชนชั้นสูงในยุคนั้นมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองอย่างมาก พวกเขาได้เอารัดเอาเปรียบประชาชนทั่วไป
-
ความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม: ระบบการศึกษาและการแพทย์ยังไม่เป็นที่行き渡り, ทำให้อัตราการรู้หนังสือต่ำ และสุขภาพของประชาชนโดยทั่วไปอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่
-
อิทธิพลจากความคิดตะวันตก: ประเทศไทยเริ่มเปิดรับกระแสความคิดใหม่ๆ จากตะวันตก เช่น 민주주의, สิทธิมนุษยชน และเสรีนิยม ซึ่งทำให้ประชาชนเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมในอำนาจ
-
เศรษฐกิจที่ตกต่ำ: ในช่วงทศวรรษ 1920s ประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ การเกษตรและการค้าส่งออกประสบปัญหาอย่างหนัก ซึ่งทำให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อน
** diễn biến của cuộc cách mạng**
-
24 มิถุนายน พ.ศ. 2475: กลุ่มทหารและนักเรียนนำโดย พระยาพหลพล phalaphraphon เริ่มปฏิวัติ โดยยึดครองที่ทำการไปรษณีย์และสถานีวิทยุ
-
25 มิถุนายน พ.ศ. 2475: รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติ และเสด็จไปประทับที่ต่างประเทศ
-
26 มิถุนายน พ.ศ. 2475: คณะปฏิวัติตั้ง รัฐบาลรักษาการ ขึ้น โดยมี พระยาพหลพล phalaphraphon เป็นนายกรัฐมนตรี
ผลกระทบของการปฏิวัติ
การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย ผลกระทบที่เกิดขึ้นมีทั้งด้านบวกและด้านลบ:
ด้านบวก:
-
การโค่นล้มระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์: การปฏิวัตินำไปสู่การสถาปนา chế độประชาธิปไตย และทำให้พระมหากษัตริย์มีอำนาจน้อยลง
-
การเปิดทางให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม: ระบอบใหม่เอื้อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจ, การศึกษา และสาธารณสุข
ด้านลบ:
- ความไม่มั่นคงทางการเมือง: ประเทศไทยยังคงประสบปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองหลังจากการปฏิวัติ
- การแบ่งขั้วทางการเมือง: กลุ่มผู้สนับสนุนระบอบเก่าและกลุ่มผู้สนับสนุนระบอบใหม่เกิดความแตกต่างอย่างรุนแรง
บทบาทของพระยาพหลพล phalaphraphon ในการปฏิวัติ 2475
พระยาพหลพล phalaphraphon หรือ Field Marshal Phraya Manopakorn Nititada, มีบทบาทสำคัญในการนำพาการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 ให้ประสบความสำเร็จ
ท่านเป็นนายทหารที่มีความสามารถและได้รับความนับถือจากทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน ท่านมีความเข้าใจในปัญหาของประเทศไทย และเห็นด้วยกับความต้องการของประชาชนที่จะมีส่วนร่วมในการปกครอง
หลังจากการปฏิวัติ พระยาพหลพล phalaphraphon ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนำประเทศไทยผ่านช่วงเวลาที่ไม่มั่นคงไปได้ ท่านได้ริเริ่มโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาประเทศ เช่น การสร้างถนน, โรงเรียน, โรงพยาบาล
ท่านยังได้ส่งเสริมการค้าและอุตสาหกรรม และทำให้ประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น
พระยาพหลพล phalaphraphon ถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. 2490 ท่านเป็นวีรบุรุษที่ประชาชนไทยยกย่องและระลึกถึงตราบนานเท่านาน
สรุป
การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 เป็นเหตุการณ์สำคัญที่เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง การปฏิวัตินำไปสู่การสถาปนา chế độประชาธิปไตย และทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่
ถึงแม้ว่าหลังจากการปฏิวัติประเทศไทยจะยังคงเผชิญกับปัญหาและความท้าทายต่างๆ แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาที่ก้าวหน้า
ตารางเปรียบเทียบระบอบก่อนและหลังการปฏิวัติ
รายการ | ก่อนการปฏิวัติ (สมบูรณาญาสิทธิราชย์) | หลังการปฏิวัติ (ประชาธิปไตย) |
---|---|---|
อำนาจสูงสุด | พระมหากษัตริย์ | รัฐบาล |
การเลือกตั้ง | ไม่มี | มี |
เสรีภาพของประชาชน | จำกัด | เพิ่มขึ้น |
สิทธิในการแสดงความคิดเห็น | จำกัด | เพิ่มขึ้น |
การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 เป็นบทเรียนสำคัญที่สอนให้เราเห็นถึงความจำเป็นของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และสิทธิของประชาชน
ประวัติศาสตร์ไทยยังคงเป็นบทเรียนที่น่าสนใจและมีคุณค่าสำหรับคนรุ่นหลัง