ในวงเวียนประวัติศาสตร์อังกฤษ ยุคสมัย Stuart เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความผันผวนทางการเมืองและสังคม การปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของพระเจ้า Charles I สั่นคลอนไปพร้อมกับการต่อต้านจากกลุ่มผู้มีอำนาจและประชาชน
Oliver Cromwell, ทหารที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และผู้นำที่มีความกล้าหาญ กลายเป็นผู้ที่จะเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของอังกฤษตลอดกาล การปฏิวัติอังกฤษ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1642, เป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างฝ่ายRoyalists (ผู้สนับสนุนพระเจ้า Charles I) และฝ่ายParliamentarians (ผู้สนับสนุนรัฐสภา) Cromwell ที่นำกองทัพ Parliamentarians ได้ทำสงครามอย่างไม่ย่อท้อและได้รับชัยชนะในที่สุด
เหตุการณ์สำคัญ | ปี |
---|---|
การเริ่มต้นของสงคราะห์กลาง | 1642 |
Oliver Cromwell เป็นหัวหน้ากองทัพ Parliamentarians | 1643 |
ชัยชนะครั้งใหญ่ของ Cromwell ที่ Battle of Marston Moor | 1644 |
พระเจ้า Charles I ถูกประหารชีวิต | 1649 |
Oliver Cromwell ยึดอำนาจเป็น Lord Protector | 1653 |
หลังจากการล่มสลายของพระเจ้า Charles I ในปี ค.ศ. 1649, อังกฤษกลายเป็นสาธารณรัฐ Cromwell ได้รับแต่งตั้งให้เป็น Lord Protector และปกครองประเทศด้วยมือหนักของเขา การปฏิรูปที่เข้มงวดของ Cromwell รวมถึงการห้ามความบันเทิง เช่น การเล่น théatre และการเฉลิมฉลองวันคริสต์มาส
Cromwell เป็นผู้นำที่มีความขัดแย้งและเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก ในขณะที่เขาได้รับคำชมสำหรับความกล้าหาญทางทหารและการทำให้ประชาธิปไตยเกิดขึ้นในอังกฤษ,
เขายังถูกวิจารณ์สำหรับความใจร้ายและการ đàn ápศาสนา
ยุค Cromwell: กำเนิดของสาธารณรัฐอังกฤษ และการต่อสู้เพื่อเสรีภาพทางศาสนา
Cromwell เป็นผู้นำที่เคร่งครัดในเรื่องศาสนา เขาเป็น puritan และเชื่อว่าศาสนจักรแห่งอังกฤษควรได้รับการปฏิรูปอย่างรุนแรง Cromwell กวดขันผู้คนให้ปฏิบัติตามหลักคำสอนของเขา,
และบังคับให้ปิดโบสถ์และโรงเรียนที่ไม่สอดคล้องกับความเชื่อของเขา การกระทำของ Cromwell ได้สร้างความไม่พอใจในหมู่กลุ่มศาสนาที่ต่างกัน และเป็นชนวนให้เกิดการต่อต้านต่อรัฐบาลของเขา
Cromwell ก่อตั้ง New Model Army, กองทัพที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีและมีวินัย
กองทัพนี้มีบทบาทสำคัญในการชนะสงครามกลางเมือง Cromwell ใช้วิธีการทางทหารที่ทันสมัย และมักจะนำทัพเข้าโจมตีศัตรูด้วยความเร็วและความรุนแรง
Cromwell เป็นผู้นำที่มีความสามารถในด้านการทหาร แต่เขายังเป็นนักยุทธศาสตร์ที่ฉลาดด้วย
เขาทำสงครามกับทั้งชาวไอริชและชาวสก็อตในการขยายอำนาจของอังกฤษ Cromwell ประสบความสำเร็จอย่างมากในการรบ แต่ความรุนแรงและการเหี้ยมโหดของเขาต่อประชาชนที่ถูกยึดครอง
ทำให้เขาเป็นผู้ที่备受争议ในประวัติศาสตร์ หลังจาก Cromwell เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1658, อังกฤษกลับมาสู่ระบอบกษัตริย์อีกครั้งภายใต้พระเจ้า Charles II
Cromwell ถูกฝังใน Westminster Abbey แต่ศพของเขาทั้งหมดถูกขุดขึ้นมาและถูกแขวนหัวไว้ที่ Tyburn
ซึ่งเป็นการลงโทษอย่างโหดร้ายที่แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจที่มีต่อเขา Cromwell เป็นบุคคลที่สลับซับซ้อนและเป็นผู้ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์อังกฤษ
เขาเป็นผู้นำทหารที่เก่งกาจและผู้ปฏิรูปทางการเมืองและศาสนา แต่เขายังเป็นผู้ที่มีความรุนแรงและไม่ยอมรับ
Cromwell เป็นตัวอย่างของบุคคลที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลก
แม้ว่าการกระทำของเขาจะยังคงถูกถกเถียงกันอยู่
มรดกของ Oliver Cromwell: การปฏิวัติอังกฤษ และอิทธิพลต่อโลกสมัยใหม่
Cromwell เป็นบุคคลที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์อังกฤษ
การปฏิวัติที่เขานำมาซึ่งการล่มสลายของสถาบันกษัตริย์และการกำเนิดของสาธารณรัฐเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการเมืองและสังคมของประเทศ
Cromwell เป็นผู้นำทหารที่เก่งกาจและนักยุทธศาสตร์
การรณรงค์ของเขาในสงครามกลางเมืองอังกฤษแสดงให้เห็นถึงความสามารถทางการทหารของเขานับตั้งแต่ชัยชนะครั้งใหญ่ใน Battle of Marston Moor
Cromwell ยังเป็นผู้ปฏิรูปที่สำคัญ, แม้ว่าการปฏิรูปของเขาจะก่อให้เกิดความขัดแย้ง
Cromwell กำจัดสถาบัน episcopacy และบังคับให้โบสถ์ presbyterian มาแทนที่
Cromwell เชื่อว่าศาสนาควรเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
และเขากระตุ้นให้ผู้คนปฏิบัติตามหลักคำสอน puritan อย่างเคร่งครัด แม้ว่า Cromwell จะถูกวิจารณ์สำหรับความรุนแรงของเขา
แต่การกระทำของเขาก็ส่งผลกระทบต่อประวัติศาสตร์อังกฤษอย่างลึกซึ้ง
Oliver Cromwell เป็นบุคคลที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลก, และมรดกของเขา
ยังคงถูกศึกษาและถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบัน.